มรดกเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนเพราะหากไม่วางแผนทรัพย์สินของเราอาจตกเป็นของบุคคลอื่นที่เราไม่ปรารถนาก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ชัดเจน ทรัพย์สินก็จะถูกจัดสรรตามหลักกฏหมาย และอาจมีข้อยุ่งยาก ถกเถียง ขัดแย้งกันระหว่างลูกๆ พี่น้อง พ่อแม่ ญาติ รวมถึงเจ้าหนี้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีเรื่องภาษีมรดกสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินเกิน 100ล้านอีกด้วย ซึ่งหากทางทายาทไม่มีเงินมาชำระภาษีไปก็ไม่สามารถรับมรดกไปได้

จากปัญหาทั้งหมดข้างต้น เราทุกคนจึงควรวางแผนมรดกอย่างรัดกุม ใส่ส่วนของทรัพย์สินส่วนตัว หรือสินทรัพย์เพื่อการลงทุนสามารถทำพินัยกรรมมอบให้ทายาทอย่างเฉพาะเจาะจงได้ แต่การแบ่งทรัพย์สินด้วยพินัยกรรมอาจไม่ครอบคลุมไปถึงปัญหาสำคัญต่อไปนี้ เช่น หากเราต้องการแบ่งทรัพย์สินให้ลูกชายสามคนเป็นบ้าน ลูกๆอาจต้องนำบ้านไปขายแบ่งกัน บางคนอาจเห็นด้วยบางคนอาจไม่เห็นด้วย ปัญหาทำนองนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการวางแผนมรดกด้วยประกันชีวิต ที่เราสามารถวางแผนกำหนดวงเงินแน่นอนที่ต้องการให้กับทายาทได้ ทำให้ทายาทได้รับทรัพย์สินโดยไม่ผ่านขั้นตอนยุ่งยาก ไม่เสียสภาพคล่อง และลดปัญหาการความขัดแย้งในระหว่างทายาทได้ และการใช้ประกันชีวิตในการวางแผนมรดก จะเป็นวิธีที่ใช้เงินน้อย แต่ได้ผลลัพธ์ใหญ่ ซึ่งทำให้สามารถครอบคลุมไปถึงอนาคตที่ดีของทายาท หรือแม้แต่ให้ทุนในการดำเนินชีวิตและการลงทุนได้เลย
และในกรณีที่ผู้เอาประกันอายุยืน ก็สามารถนำมูลค่ากรมธรรม์เป็นแหล่งเงินสดสำรองและเป็น Source of wealth ไว้ใช้จ่ายยามต้องการได้อีกด้วย

ประกันชีวิตที่ใช้วางแผนมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ ทั้งแบบที่มีระยะเวลาส่งเบี้ยประกันแน่นอน และแบบประกันควบการลงทุนที่ให้ทุนประกันสูงกว่า มากสุดถึงสามร้อยกว่าเท่า และได้พอร์ทลงทุนไปด้วย แต่อย่างไรก็ดีควรมีการทบทวนวางแผนรอบด้านอย่างเหมาะสมก่อนทำประกัน