top of page

ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ในการซื้อประกันหรือกองทุนเพื่อลดภาษี

ข้อผิดพลาดต่างๆมักเกิดจากการมองในมิติของการลดหย่อนภาษีเพียงมิติเดียว ผู้มีเงินได้ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มมีรายได้มากขึ้น ก็จะเริ่มเสียภาษีมากขึ้น อยากหาแนวทางลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุด เมื่อพบว่ามีเครื่องมือลดหย่อนภาษียอดนิยมได้แก่ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ กองทุนRMF และกองทุน SSF ก็จะเลือกซื้อบางอย่างหรือหลายอย่างตามความสะดวกและนิยม ซึ่งปัจจุบันขั้นตอนการซื้อก็ง่ายมากเลยนะครับ แค่เพียงทำรายการผ่านแอฟต่างๆไม่นานก็สำเร็จแล้ว

นิยมมากที่สุดคือการซือประกันสะสมทรัพย์ ที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้ประกันสะสมทรัพย์ดูน่าสนใจขึ้นทันที
----------------------------------------------------------------------
แล้วแนวทางการลดภาษีแบบนี้คือผิดพลาดยังไง
planner.co.th อธิบายให้เข้าใจง่ายๆดังนี้ครับ

เครื่องมือทั้งสี่นั้นมีคุณสมบัติเหมือนกันในเรื่อง
-ลดหย่อนภาษีได้
-ใช้เป็นเครื่องมือในการสะสมเงินได้

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ
-ผลประโยชน์จากประกันชีวิตนั้นมีความแน่นอน (ยกเว้น Unit liked)
-ผลประโยชน์ของกองทุน RMF และ SSF นั้นมีความผันผวน

การตัดสินใจทางการเงินใดใด ควรพิจารณาหลายมิติ ดังนี้ครับ

1.ให้ลองคำนวณภาษีก่อนว่าหากยังไม่ตัดสินใจซื้อประกันหรือกองทุนเลย จะมีภาษีที่ต้องเสียเท่าไหร่ มากหรือน้อยแค่ไหน เพราะฐานภาษีแต่ละคนไม่เท่ากัน

2. คำนวณรายจ่ายจำเป็นแต่ละเดือนให้แน่ใจ ว่าหากซื้อประกันหรือกองทุนแล้ว จะยังคงมีเงินสดสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อกำหนดงบประมาณในการนำไปทำประกันที่เหมาะสม อย่าลืมว่าสภาพคล่องสำคัญกว่าผลประโยชน์ทางภาษีนะครับ

3. หลังจากเผื่อสภาพคล่องแล้ว ลองนำงบประมาณนั้นไปคำนวณค่าลดหย่อน ว่าหากซื้อไปแล้วจะได้ลดหย่อยภาษีเพิ่มเท่าไหร่ ตามฐานรายได้สุทธิของเราเอง

บางท่าน ฐานภาษี 10% หากทำประกัน 100,000บาท จะได้ลดหย่อน 10,000บาท

บางท่าน ฐานภาษี 30% หากทำประกัน 100,000บาท จะได้ลดหย่อน 30,000บาท เป็นต้น

เพื่อรับทราบผลประโยชน์ทางภาษีที่แท้จริง

4. พิจารณาสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่เรามีก่อนว่าเพียงพอหรือไม่?
ต้องไม่ลืมนะครับว่า หากสวัสดิการไม่เพียงพอ อาจไม่ได้รับการรักษาและนั่นอาจทำให้ทำงานไม่ได้หรือสูญเสียโอกาสอีกมามาย ประกันสุขภาพเหมาจ่ายควรเป็นสิ่งที่คิดถึงในอันดับแรกครับ 5. พิจารณาว่ารายได้ของเราสำคัญสำหรับคนอื่นด้วยหรือไม่?

หากใช่ ควรเลือกประกันแบบตลอดชีพที่ให้ทุนชีวิตสูง โดยมีตัวอย่างวิธีการคำนวณทุนชีวิตที่เหมาะสมคร่าวๆดังนี้เช่น
-เรามีสมาชิกในครอบครัวที่ต้องดูแลอุปการะกี่คน?
-ระยะเวลาที่เราต้องดูแลคนเหล่านั้นอีกนานเท่าไหร่?
-ค่าใช้จ่ายในการเรียนของลูกคนเล็กว่าจะจบการศึกษา?
-ค่าเลี้ยงดูบุพการีจนถึงอายุที่เหมาะสมรวมเท่าไหร่?
ทั้งหมดคือเป้าหมายทุนประกันที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัว โดยเราอาจพิจารณาเริ่มทำบางส่วน และทำเพิ่มภายหลังได้

6. พิจารณาแผนการเก็บเงินเพื่อการเกษียณว่าเพียงพอหรือยัง มีงบประมาณในการเก็บออมส่วนนี้ปีละเท่าไหร่ โดยอาจแบ่งส่วนที่ต้องการความแน่นอนเพื่อทำประกันบำนาญ และแบ่งบางส่วนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวไปลงทุนกองทุน ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสม จำเป็นต้องมีการทบทวนเป้าหมาย งบประมาณ ระยะเวลา แผนการในชีวิตต่างๆประกอบด้วย

บริการให้คำปรึกษาฟรี

หากเราวางแผนภาษีผิดพลาด อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสภาพคล่อง ไม่มีแผนการเก็บเงินที่เพียงพอต่อการเกษียณ การเลือกแบบประกันผิดที่ให้ทุนชีวิตน้อยสำหรับคนมีครอบครัว และในบางแบบประกันเมื่อทำไปแล้วก็สามารถแก้ไขได้ยาก เพราะได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีไปหลายปีแล้ว หากยกเลิกก็เกิดปัญหาต้องคืนภาษีย้อนหลังอีกเป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญของเราจึงจะทบทวนเป้าหมายชีวิต และสถานะการเงินของท่านอย่างรอบคอบเพื่อออกแบบแผนลดหย่อนภาษีที่ให้ประโยชน์หลายมิติ และไม่เป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายอื่นๆในชีวิต

ผู้ให้คำปรึกษา

คุณณัฏฐโชติ อุสาหะ (คุณจอม)
Founder & MD of PLANNER.co.th
ประสบการณ์ 6 ปี

ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ในช่องทางดังต่อไปนี้

Phone : 061-552-6888
Line : @planner.co.th
Messenger : m.me/planner.co.th
Facebook : fb.com/planner.co.th

bottom of page